Black Widow ถือว่าเป็นหนังโชคร้ายอีกหนึ่งเรื่องที่มีกำหนดการเข้าฉายในช่วงโควิด 19 กำลังระบาดหนัก ส่งผลให้โรงหนังทั่วโลกต้องหยุดให้บริการ สำหรับนักแสดงสาวอย่าง สการ์เลตต์ โจแฮนสัน เธอมีสัญญาแสดงเรื่องนี้เป็นเรื่องสุดท้าย
หลังจากการปรากฎตัวครั้งแรกของเธอใน Iron Man 2 (2010) ต้องใช้เวลานานกว่า 10 กว่าจะมี แบล็ค วิโดว์ หนังเดี่ยวเรื่องแรกและเรื่องสุดท้ายของเธอของฮีโร่หญิงหนึ่งเดียวของ Avengers อย่าง นาตาชา โรมานอฟ – แบล็ค วิโดว์ ถือเป็นภาพยนต์แอคชั่นฟอร์มยักษ์จากจักรวาล Marvel ซึ่งบรรดาแฟน ๆ ของเหล่าซูเปอร์ฮีโร่ก็ไม่ควรพลาดเช่นกัน
เรื่องย่อ – Black Widow จะเป็นหนังเรื่องแรกในเฟส 4 ที่จะเป็นการเปิดฉากตำนานยุคใหม่ ต่อจากยุคของ Avengers Infinity Saga ที่เพิ่งจะปิดฉากไป ภาพยนตร์เรื่องนี้มีเส้นเรื่องเกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์ในภาพยนตร์เรื่อง Captain America: Civil War เราจะได้เห็นนาตาชา (สการ์เลตต์ โจแฮนสัน) ตัดสินใจเลือกที่จะช่วยเหลือกัปตันอเมริกาในตอนท้าย ทำให้เธอต้องหลบหนีกลายเป็นอาชญากรผู้ละเมิดสนธิสัญญาโซโคเวีย โดยคนที่เป็นหัวหอกของการตามล่านี้ก็ไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นนายพลรอสส์ คนเดิมกับที่เสนอให้มีสนธิสัญญาให้เหล่าอเวนเจอร์สอยู่ภายใต้การควบคุม นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เราได้เห็นฉากการหลบหนีของนาตาชา ที่เธอไม่สามารถอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกาได้อีกต่อไปเธออาจจะหนีจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกาไปได้แต่ดูเหมือนเธอจะไม่สามารถหนีจากอดีตได้ นาตาชาถูกลอบโจมตี ซึ่งคนที่ดักโจมตีเธอนั้นคือวายร้ายปริศนาที่ใช้ชื่อว่าทาส์กมาสเตอร์ (Taskmaster)
หนังจะเริ่มเล่าตั้งแต่ปี 1995 สมัยนาตาชายังเป็นเด็กอายุ 12 ขวบ (รับบทโดยเอเวอร์ แอนเดอร์สัน) มีชีวิตธรรมดา ๆ อยู่กับครอบครัวที่ โอไฮโอ กับพ่อ (เดวิด ฮาร์เบอร์ ) แม่ (ราเชล ไวซ์ ) และน้องสาววัย 6 ขวบ (ไวโอเล็ต แมคกรอว์) จนกระทั่งวันหนึ่งพวกเขาต้องหนีออกนอกประเทศหลังจากถูกทางการจับได้ว่าเป็นครอบครัวสายลับรัสเซีย จนเวลาผ่านไป21 ปีและสำหรับนาตาชาเธอก็ยังคงต้องหลบหนีกบดานต่อไปแต่อดีตก็ยังคงตามหลอกหลอนเธออยู่เสมอ วันหนึ่งเธอได้มีโอกาสกลับมาเจอกับน้องสาวและครอบครัวของเธออีกครั้งเพื่อร่วมมือกันกำจัดตัวร้ายอย่างเดรย์คอฟ (เรย์ วินสโตน) ผู้ที่ต้องการครองโลกโดยใช้ผู้หญิงเป็นเครื่องมือ
นาตาช่าคือตัวแทนฮีโร่ที่เป็นคนธรรมดาที่มีแต่ใจและใช้สกิลแบบมนุษย์ล้วน ๆ เลย เพราะก่อนจะมาเป็นสายลับหรือนักฆ่าขั้นเทพเธอก็เป็นเด็กหญิงธรรมดาคนหนึ่ง เธอไม่ได้มีพลังวิเศษเหมือนคนอื่น ๆ ในทีมฮีโร่ The Avengers – ไม่ได้มีฆ้อนและพลังสายฟ้าแบบเทพเหมือน Thor ไม่ได้มีตัวช่วยอย่างชุดไฮเทคพร้อม AI อย่าง Iron Man ไม่ได้มีการอัดพลังกระตุ้นแบบ Captain America รวมถึงสารเคมีดัดแปลงพันธุกรรมอย่าง The Hulk
สำหรับ Black Widow ถือว่าเป็นหนังที่สมการรอคอยอยู่ เราจะได้เห็นการต่อสู้ของผู้หญิงของนาตาชาและเยเลน่า (ฟลอเรนซ์ พิว) หรือแม้แต่เหล่าวิโดว์ทั้งหลาย สการ์เลตต์ โจแฮนสันเธอทำหน้าที่ในฐานะฮีโร่ได้อย่างสมศักดิ์ศรี การแสดงสุดฝีมือและฉากดราม่าก็เรียกน้ำตาคลอ ๆ ได้เหมือนกัน สำหรับน้องใหม่อย่างฟลอเรนซ์ พิวเรียกได้ว่าเธอเป็นน้องใหม่ไฟแรงอนาคตไกลอีกคนหนึ่งเลยทีเดียวกับบทบาทที่ได้รับ มีดราม่า อารมณ์เศร้าก็ทำได้แถมบู๊ได้ดุดันอีกต่างหาก ส่วน เดวิด ฮาร์เบอร์ ถึงแม้ว่าจะดูเหมือนไม่ค่อยมีอะไรสักเท่าไหร่แต่ก็ขยันปล่อยมุกให้พอได้ขำอยู่เสมอ ๆ ส่วน ราเชล ไวซ์ สาวสวยที่มากด้วยฝีมือตลอดการก็มาพอให้เราได้หายคิดถึง ถือว่าเป็นการปิดฉากอำลาได้พอใช้สำหรับ สการ์เลตต์ ส่วนมาร์เวลจะมีอะไรให้เราติดตามต่อนั้นคงต้องคอยติดตามกัน
สิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้กลายเป็นเพียงหนังที่พอใช้ทั้งที่เป็นหนังเดี่ยวอำลาของ สการ์เลตต์ โจแฮนสันคือการเลือกผู้กำกับที่ถนัดดราม่าแต่โทนตัวหนังคือต้องมีบทบู๊แอ็คชั่นอยู่แล้ว กลายเป็นว่าฉากดราม่าผู้กำกับสามารถรีดอารมณ์ตัวละครได้ดีแต่ฉากแอ็กชั่นกลับขาด ๆ เกิน ๆ แทบทุกฉาก สิ่งที่ขาดคือความกดดัน ภาวะข้อจำกัดที่ปกติจะเป็นตัวแปรเพิ่มอารมณ์ที่สำคัญในฉากบู๊ของหนังมาร์เวลแทบทุกเรื่อง
น่าเสียดายที่จริง ๆ ทั้งผู้กำกับและนักแสดงมีฝีมือทั้งคู่แต่การเลือกใช้คนไม่เหมาะกับงานทำให้ผลลัพธ์ออกมากร่อยไปหน่อย เอาเป็นว่าก็ดีถ้าคิดจะดูเพราะเป็นแฟนคลับตัวละครนี้ แต่ถ้าหวังให้สนุกเหมือนเรื่องอื่น ๆ ของ Marvel อย่าคาดหวัง นับในแง่หนังเดี่ยว Ant-Man สนุกกว่าเยอะมาก
แชร์ได้เลยเพียงกดเบา ๆ