Marvel Eternals เมื่อในอดีตอันไกลโพ้นเราก็เคยมีฮีโร่นะ

แชร์ได้เลยเพียงกดเบา ๆ

Eternals เป็นอีกหนังเรื่องใหม่สเกลใหญ่จากค่ายมาร์เวลที่เล่าถึงอีกจักรวาลหนึ่งในอดีต 7,000 ปีที่แล้วซึ่งเหล่าฮีโร่ทั้ง 10 คนได้ถูกส่งมาปกป้องมนุษย์จากตัวร้ายที่ชื่อว่าดีเวียนท์ (Deviants) แม้เรตติ้งจากค่ายดังอย่าง IMDB และมะเขือเน่า (Rotten Tomatoes) จะไม่ดีนัก โดย IMDB ได้คะแนนเพียง 6.6 ขณะที่มะเขือเน่าให้คะแนนเรื่องนี้ที่ 47% แต่ก็ยังมีผู้ชมอย่างเหนียวแน่นจากเหล่าแฟนคลับ Marvel ทำรายได้ Box Office ในอเมริกาถึง $401.8 ล้านเลยทีเดียว

Marvel Eternals (2021)
Marvel Eternals (2021)

หนึ่งในสาเหตุที่คะแนนน้อยน่าจะมาจากสเกลพลังของฮีโร่ทั้ง 10 นั้น “ดูอ่อนกว่าที่คิด” สำหรับคนที่เข้าไปดูส่วนมากซึ่งคาดหวังจะได้เห็นสเกลพลังระดับอลังการเพราะความสามารถและสเกลพลังของฮีโร่ระดับเทพในหนังมาร์เวลที่ผ่านมาคือเก่งมากและหลากหลาย แต่ฮีโร่ระดับเทพรอบนี้กลับใช้พลังได้แบบคนละอย่างตามความสามารถที่ถูกกำหนดมา ซึ่งจากที่หาข้อมูลเทียบกับเวอร์ชั่นการ์ตูนหรือ Comics ดูพบว่าจริง ๆ แล้วพลังของฮีโร่ทั้ง 10 ในเวอร์ชั่นการ์ตูนนั้นเก่งมากแต่พอมาอยู่ในจักรวาลของมาร์เวลแล้วมีการปรับเนื้อเรื่องส่งผลให้มีการปรับคาแร็กเตอร์และพลังทั้งหมดตามไปด้วย

Marvel Eternals 10 Heroes
Marvel Eternals 10 Heroes

พลังของฮีโร่มีหลายแบบแต่จะแบ่งเป็น 2 หมวดใหญ่คือ

  1. สายร่างกาย แนวบู๊ ใช้พละกำลังหรือพลังงานคอสมิคเป็นอาวุธ – ในสายนี้มีทั้งหมดห้าคนได้แก่ Ikaris Kingo Thena Gilgamesh และ Makkari
  2. สายสนับสนุน แนวใช้พลังเวทย์ช่วยเหลือทีมไม่เน้นออกหน้าลุย – ในสายนี้มีอีกห้าคนได้แก่ Sprite Ajak Sersi Phastos และ Druig

พลังของแต่ละคนมีดังนี้

  1. Ikaris – ตาพลังเลเซอร์ บินได้ เปรียบเป็นซุปเปอร์แมนในจักรวาลนี้
  2. Kingo – สายจู่โจมยิงไกลแนว Iron Man
  3. Thena – ดึงพลังจักรวาลมาสร้างเป็นอาวุธได้
  4. Gilgamesh – พลังหมัดระดับเทพเจ้า
  5. Makkari – ความเร็วที่เหนือกว่า Quicksilver
  6. Sprite – เสกภาพลวงตา บิดเบือนการมองเห็น
  7. Ajak – รักษาได้ทั้งตัวเองและคนรอบตัว
  8. Sersi – แปลงสสารได้ทุกรูปแบบ แปลงสิ่งไม่มีชีวิตเป็นสสารใดก็ได้หรือแปลงให้เป็นสิ่งมีชีวิตก็ได้
  9. Phastos – เชี่ยวชาญเทคโนโลยี สร้างอาวุธได้
  10. Druig – ควบคุมจิตใจมนุษย์ได้

นอกเหนือจากเรื่องสเกลพลังที่แปลก ๆ แล้ว ตัวหนังแม้บทวางมาดีแต่การเดินเรื่องออกแนวรีบมากเกิน หนังมีความยาวทั้งสิ้น 2 ชั่วโมง 37 นาทีแต่เพราะเนื้อเรื่องต้นฉบับยาวมากและต้องย่อให้เหลือในกรอบเวลานี้การเดินเรื่องจึงเป็นไปแบบรวบรัด (มากเกิน) และมีการจับยัดในหลายฉากมากเกินไปเพื่อให้เกิดอีเว้นท์ในแบบที่ต้องการ ตัวอย่างเช่น ดีเวียนท์เป็นตัวร้ายที่ปูบทมาเก่งมากในช่วงแรกเพราะสามารถดึงพลังของ Eternals มาได้แต่หลังจากเนื้อเรื่องภารกิจอุบัติการของ Celestials การเดินเรื่องกลับยัดให้ตัวร้ายดีเวียนท์ตายอย่างง่ายดายมาก

นอกจากนี้ก็เรื่องตัวละครที่เยอะมาก (10 คนฝั่งฮีโร่และ 1 คนฝั่งผู้ร้าย) แม้บทของตัวละครจะออกแบบมาดีไม่ได้แบนราบ แต่ละคนมีความนึกคิด ทัศนคติและความเชื่อที่ออกแบบมาให้เป็นปมที่ต้องแก้กัน แต่การถ่ายทอดออกมากลับทำได้ไม่ดีนัก ซึ่งก็จากปัญหาเดิมคือกรอบเวลาของหนังทำให้คนดูส่วนใหญ่เข้าถึงได้ยากเพราะทั้งตัวละครและเนื้อเรื่องเป็นของใหม่ทั้งหมดในจักรวาลมาร์เวล ไม่มีหนังก่อนหน้าที่ทำเนื้อเรื่องปูพรมแยกออกมาก่อนเลยนอกจากเวอร์ชั่นการ์ตูน ทุกคนที่ดูจึงเหมือนดูเรื่องราวของฮีโร่ทั้ง 10 ครั้งแรกพร้อมกัน ในเนื้อเรื่องที่ถูกรวบรัดจัด ๆ จากเวลาที่จำกัดทำให้การคลายปมของหนังทำได้น้อยมาก เช่น สาเหตุที่ Eternals ขัดคำสั่งเบื้องบนเพราะความรักที่มีต่อมนุษย์ ซึ่งถือเป็นใจความหลักของหนังที่ถ่ายทอดออกมาได้ไม่ครบ เป็นต้น คาดว่าหลังจากนี้จะมีการทำหนังภาคแยกของตัวละคนสำคัญ ๆ ออกมาเพิ่มและถึงตอนนั้นคนที่ติดตามเมื่อย้อนกลับมาดูเรื่องนี้อีกครั้งก็จะเข้าใจตัวละครและปมของหนังมากขึ้น

ความเห็นส่วนตัวคือถ้าหนังชื่อนี้ถูกนำไปทำบทเป็นซีรีย์แทนหนังเข้าโรงจะดีกว่ามาก เพราะซีรีย์มีความยาวเหลือพอที่จะถ่ายทอดความลึกของตัวละครทุกตัวได้ชัดเจนให้คนดูค่อย ๆ ซึมซับมากกว่าไปนั่งงงในโรงหนัง ผู้กำกับ Chloe Zhao นั้นมีฝีมือมาก เป็นผู้กำกับระดับออสการ์ แต่เงื่อนเวลาที่จำกัดทำให้แม้จะเป็นผู้กำกับที่เก่งก็ยังถ่ายทอดออกมาให้ครบได้ยาก ว่ากันตามตรงถ้าไม่ใช่เพราะค่ายมาร์เวล หนังเรื่องนี้คงไม่สามารถดึงคนเข้าดูได้ขนาดนี้ครับ

แชร์ได้เลยเพียงกดเบา ๆ

Leave a Comment