เรื่องย่อ – หลังจากรับราชการเป็นนักบินระดับท็อปของกองทัพเรือมานานกว่า 30 ปี พีท “มาเวอริค” มิทเชลล์ (ทอม ครูซ) กลับมาสู่ที่ซึ่งเหมาะสมกับเขา เขากลับมาเป็นนักบินทดสอบผู้กล้าหาญและหลีกหนีจากความก้าวหน้าทางการงาน เขากลับมาฝึกหน่วยท็อปกันเพื่อปฏิบัติภารกิจพิเศษในรูปแบบที่ยังไม่เคยมีนักบินที่ยังมีชีวิตอยู่เคยเห็นมาก่อน มาเวอริคต้องเผชิญหน้ากับเรือโทแบรดลีย์ แบรดชอว์ (ไมล์ เทลเลอร์) หรือ “รูสเตอร์” ลูกชายของเรือโทนิค แบรดชอว์ หรือ “กูส” เพื่อนของเขาที่เสียชีวิตไปแล้ว เขาต้องพบกับอนาคตที่ไม่แน่นอนและอดีตที่ตามหลอกหลอน มาเวอริคต้องเผชิญกับความกลัวที่ฝังลึกอยู่และปฏิบัติภารกิจให้สำเร็จ ซึ่งภารกิจนี้ผู้ที่ได้รับเลือกให้ร่วมบินต้องเสียสละอย่างที่สุด
ภาคที่ 2 นี้หนังจะเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการนำเข้ามาของเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่เรียกว่า “โดรน” หรืออากาศยานไร้คนขับ ที่มีผลต่อนักบินต่อสู้แบบดั้งเดิมดูล่าสมัย ซึ่งจากตัวอย่างหนังที่เราจะได้เห็นกันตัวของพีทเองที่จะได้ขึ้นบินอีกครั้ง แม้ว่าเวลาจากภาคแรกจะมาผ่านมากว่า 30 ปีแล้วก็ตามแต่ในหนังก็ยังคงกลิ่นอายของตัวละครเดิมเอาไว้ได้ทั้งหมด ไมว่าจะเป็นแว่นดำที่สมัยนั้นเรียกว่าขายดีเป็นเทน้ำเทท่ากันเลยทีเดียว หรือเสื้อแจ็กเก็ตตัวเก่งของพระเอก และมอร์เตอร์ไซด์คันโปรดก็ยังมีให้เราเห็นในภาคนี้ ฉากต่างๆในหนังก็จะมีความแตกต่างหลากหลายมากขึ้น ทั้งพื้นที่แห้งแล้ง ภูเขาสีขาวที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะและน่านน้ำสากล ที่ขาดไม่ได้เลยก็คงจะเป็นเพลงประกอบจากภาคที่แล้วซึ่งในภาคนี้เราก็ยังจะได้ยินกันอยู่
โจเซฟ โคซินสกี้ ผู้กำกับในภาคสองนี้ต้องการได้ภาพที่สมจริงในส่วนของการขับเครื่องบินมากที่สุด ตัวเขาเองและ คลอดิโอ มิแรนดาผู้กำกับภาพที่ต่างเคยร่วมกันมาแล้วหลายครั้ง ทั้งคู่ได้ร่วมกันพัฒนากล้องที่เรียกว่า Rialto อันประกอบไปด้วยกล้องทั้งหมด 6 ตัวด้วยกัน โดย 4 ตัวแรกถูกติดตั้งไว้ในห้องของนักบินในเครื่องบินเจ็ตเพื่อให้จับภาพไปที่ใบหน้าของนักแสดง ส่วนอีก 2 ตัวให้จับไปที่ด้านหน้าของเครื่องบิน จึงทำให้ภาคนี้ได้ภาพในส่วนนี้อย่างสมจริงมากที่สุด นอกเหนือจากนี้แล้วเขาก็ยังต้องฝึกนักแสดงอย่างหนักในเรื่องการขับเครื่องบินด้วยเช่นกัน
ท็อปกัน: มาเวอริค นอกจาก ทอม ครูซ ที่ได้กลับมารับบทเดิมแล้ว ยังได้ ไมลส์ เทลเลอร์, เจนนิเฟอร์ คอนเนลลี, จอน แฮมม์, เกลน พาวเวลล์, ลูอิส พูลแมน และเอ็ด แฮร์ริส ร่วมเสริมทีมนักแสดง
Top Gun ภาคแรกเมื่อปี 1986 ซึ่งเป็นผลงานกำกับของโทนี สกอตต์ผู้ล่วงลับไปแล้ว ซึ่งหนังเรื่องดังกล่าวได้ขึ้นแท่นเป็นภาพยนตร์คลาสสิกมาจนถึงทุกวันนี้และเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ยอดจำหน่ายซาวด์แทร็กสูงสุดตลอดกาลด้วย
ผู้กำกับโจเซฟ โคซินสกี้ นั้นเคยร่วมงานกับ ทอม ครูซ มาแล้วใน Oblivion (2013) โดยได้มือเขียนบทชั้นยอดมาร่วมงานมากมายไม่ว่าจะเป็น เอเรน ครูเกอร์ จาก Transformers: Revenge of the Fallen, เอริน วอร์เรน ซิงเกอร์ จาก American Hustle และ คริสโตเฟอร์ แมคควอร์รี จาก Edge of Tomorrow และเป็นผู้กำกับ Mission: Impossible 7-8 อีกด้วย
แชร์ได้เลยเพียงกดเบา ๆ