เนื่อเรื่องต่อจากภาค 1 – ครอบครัวแอ็บบอทยังคงต้องหลบซ่อนต่อไปและใช้ชีวิตโดยไม่ส่งเสียง แต่ผู้ชมจะได้เห็นเรื่องราวที่เข้มข้นและขยายขอบเขตกว้างขึ้นเมื่อพวกเขาพบว่าพวกเขาไม่ใช่คนที่รอดชีวิตเพียงกลุ่มเดียว พร้อม ๆ กับการได้ติดตามวิธีการเอาชีวิตรอดของมนุษย์โดยเฉพาะความยากลำบากของสมาชิกครอบครัวแอ็บบอทที่เหลืออยู่ เมื่อแม่ต้องเป็นผู้นำครอบครัว และเพิ่มความอันตรายด้วยสกิลของเหล่าสัตว์ประหลาดร้าย ที่ไม่เพียงแต่ไล่ล่าตามเสียงที่พวกมันได้ยินเท่านั้นแต่ยังดักรอทำร้ายระหว่างทางได้อีกด้วย ทำให้ครอบครัวแอ็บบอทต้องพยายามหนีให้รอดพ้นจากอันตรายอย่างสุดชีวิต
หลังจากที่ประสบความสำเร็จจากดินแดนไร้เสียงภาคแรกเมื่อปี 2018 มาแล้ว คราวนี้ก็มาถึงภาคต่อในดินแดนไร้เสียง 2 การเดินเรื่องก็ยังเป็นครอบครัวแอบบ็อตต์ที่ยังต้องหนีเอาชีวิตรอดจากเจ้าอสูรกายบุกโลกซึ่งไม่ใช่จะมีแต่พวกเขาที่หนีเอาชีวิตรอดมาได้ ในภาคนี้เราก็ยังได้นักแสดงจากภาคแรกมากันครบทั้งเอมิลี บลันต์ / มิลลิเซนต์ ซิมมอนด์ส / โนอาห์ จูป และยังได้ผู้กำกับคนเดิมจากภาคแรกคือ จอห์น คราซินสกี้ มากำกับภาค 2 นี้ด้วย
สำหรับผู้ชมที่เคยชมภาคแรกมาแล้วคงยังจำเรื่องราว ความหน้าตื่นเต้น ลุ้นกันจนแทบจะลืมหายใจหายคอกันเลยทีเดียว สำหรับภาคที่2นี้ก็จะเป็นภาคต่อจากภาคแรก จะเป็นการย้อนเล่าเรื่องราวของภาคแรกจนมาถึงภาคล่าสุดนี้
ในภาค 2 นี้หนังเล่าเรื่องราวของในมุมมองผู้เป็นแม่มีหน้าที่ต้องปกป้องลูก ๆ หลังจาก ลี แอบบ็อตต์ผู้เป็นสามีต้องตายด้วยฝีมือของเจ้าสัตว์ประหลาดในภาคแรก เอเวอลีนพาเรแกน ลูกสาวคนโต มาร์คัส ลูกชายคนรอง และลูกน้อยแรกเกิด เดินทางขึ้นเขาเพื่อจะหาที่หลบภัยใหม่และได้พบกับเอ็มเมตต์เพื่อนบ้านเก่าของพวกเขานั้นเอง ซึ่งในภาคนี้เราจะได้เห็นการเติบโตของเรแกน เด็กหญิงที่มาพร้อมความกล้าหาญที่เพิ่มมากขึ้นของผู้ที่ต้องการปกป้องครอบครัว มาร์คัสเด็กน้อยขี้ตื่นกลัวกลับมาคราวนี้โตขึ้นเยอะเลยค่ะ นอกจากนี้ยังได้รับหน้าที่ๆต้องปกป้องน้องคนเล็กที่พึ่งเกิด เมื่อแม่ต้องทิ้งให้อยู่กับน้องเล็กตามลำพัง สังเกตุได้ว่าในภาคนี้เด็กๆจะได้รับบทบาทเพิ่มมากขึ้น ทั้งเรแกนและมาร์คัสถึงแม้ว่าเราจะเห็นแววตาแห่งความกลัวที่เกิดขึ้น แต่พวกเขาก็พิสูจน์ให้ได้เห็นว่าถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นเด็กแต่ก็มีหน้าที่ๆต้องรับผิดชอบ สามารถดูแลปกป้องครอบครัวเมื่อถึงคราวจำเป็น น้องทั้งสองคนสามารถถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครผ่านแววตาและท่าทางออกมาได้ดีมากๆ นับว่าเป็นนักแสดงเด็กที่สามารถพัฒนาการแสดงได้ดีมาก ๆ เลย แถมยังมีอนาคตไกลในวงการภาพยนต์อีกด้วย
นอกจากนี้ยังได้นักแสดงอย่างคิลเลียน เมอร์ฟี มารับบทเอ็มเมตต์ เพื่อนร่วมเมืองผู้รอดชีวิตจากสัตว์ประหลาดที่คอยปกป้องผู้ที่อ่อนแอกว่า นอกจากนี้ยังมีดาราดัง ๆ อย่างดิจิมอน ฮาวน์ซู มาร่วมสร้างความสร้างความตื่นเต้นให้กับภาค 2 นี้ด้วย
เมื่อมีตัวละครเพิ่มขึ้นมาคราวนี้เราก็จะได้เห็นข้อแตกต่างจากภาคแรกคือในภาคนี้จะมีการสื่อสารด้วยการพูดมากขึ้นซึ่งต่างจากภาคแรกที่เน้นไปที่ความเงียบชวนผวาซะเป็นส่วนใหญ่ มาดูกันว่าเขารับบทเป็นอะไรในเรื่องที่จะทำให้ตัวละครหลักมีจุดพลิกผัน
เราจะได้เห็นพัฒนาการของตัวละครที่เติบโตขึ้น พวกเขาได้เรียนรู้ถึงความกล้าหาญ ความเสียสละ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นอกจากสถานที่ในป่าจากภาคแรกแล้ว ในภาคนี้เราก็จะได้เห็นสถานที่ต่างๆเพิ่มมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นทั้งชายฝั่งของทะเลและพื้นที่รกร้าง ได้พบผู้คนเพิ่มมากขึ้นจากผู้ที่เอาชีวิตหนีรอดมาได้ การเรียนรู้กับผู้คนใหม่ๆที่ไม่เคยเจอกันมาก่อน จะเห็นถึงวิธีการเอาตัวรอดของแต่ละคน ได้เห็นถึงความโหดร้ายของมนุษย์ด้วยกันเองเมื่อต้องทำทุกทางเพื่อให้ตัวเองนั้นรอด
สิ่งที่ภาคนี้ยังทำได้ดีเช่นภาคแรกนั้นก็คือการวางเรื่องได้อย่างน่าติดตาม ความที่ตัวแก่นเรื่องไม่ได้ซับซ้อนเข้าใจและเข้าถึงได้ง่ายสำหรับผู้ชมส่วนใหญ่ทำให้หนังมีความน่าสนใจมากขึ้น รวมท้้งความเงียบชวนสยองยิ่งกว่าหนังผีในเรื่องที่เป็นหัวใจของการมีชีวิตรอด ฉากการต่อสู้ การไล่ล่าสัตว์ประหลาดที่หนังสามารถดึงเอาความรู้สึกของคนดูเข้าไปรวมเป็นส่วนหนึ่ง เป็นการเพิ่มความตื่นเต้นได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว สำหรับเจ้าตัวสัตว์ประหลาดในภาคนี้ก็มีหน้าตาที่ค่อนข้างน่าเกลียดและน่ากลัวในเวลาเดียวกัน ยิ่งเห็นเวลาที่มันแยกเขี้ยวยิงฟันออกมาด้วยแล้วละก้ออาจมีจิตหลุดกันเลยแหล่ะ อันนี้ก็ต้องยกความดีความชอบให้กับ CG กับแบบเต็ม 10 ไม่หักเลยค่ะ ทำได้เนียนมากจนถึงขั้นน่ากลัว
ว่ากันตามตรงคือหลายส่วนของภาค 2 มีหลายอย่างที่ทำให้นึกถึงภาคแรกมากทั้งในส่วนการเดินเรื่องและโดยเฉพาะตอนจบแบบภาคแรก เป็นตอนจบแบบที่คนดูเมื่อดูเสร็จจะรู้สึกทันทีว่าปูเนื้อเรื่องไปภาคต่อแน่นอน แน่นอนว่าภาค 3 ของเรื่องนี้น่าติดตามมากแต่เราหวังว่าจะได้เห็นการจบที่สมบูรณ์และไม่มีการเล่นมุกเก่าเพื่อปูทางต่อไปภาค 4 อีก
แชร์ได้เลยเพียงกดเบา ๆ