เรื่องย่อ – สานต่อเรื่องราวจากภาคแรก หลังจาก เอ็ดดี บล็อก (ทอม ฮาร์ดี้) อดีตนักข่าวชื่อดังได้ร่วมใช้ชีวิตในฐานะคู่หูปราบอาชญากรรมกับ เวนอม ปรสิตจากต่างดาว โดยหน้าที่การงานและความสัมพันธ์กับ แอนน์ (มิเชลล์ วิลเลียมส์) อดีตคู่หมั้นสาวยังคงดิ่งลงเหวเช่นเดิม ในภาคนี้เหมือนเขาจะมีโอกาสกลับมารุ่งอีกครั้งเมื่อเขาได้รับการติดต่อจาก คลีตัส แคสซาดี ฆาตกรต่อเนื่องชื่อดังให้สัมภาษณ์พิเศษถึงในคุกและนั่นกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความวายป่วงที่ตามมาไม่สิ้นสุด
ในภาคนี้จะเป็นการเล่าถึงตัวละครคลีตัส แคสซาดี ฆาตกรต่อเนื่องชื่อดัง (วู้ดดี้ แฮร์เรลสัน) ซึ่งได้พบรักกับ ชรีค (นาโอมี แฮร์ริส) ที่สามารถส่งพลังเสียงเพื่อสร้างความเสียหาย ทั้งคู่พบรักกันในโรงเรียนดัดสันดานแห่งหนึ่งตั้งแต่สมัยเด็ก แคสซาดี นั้นมีความโกรธแค้นเอ็ดดีเมื่อครั้งที่เอ็ดดีเคยเขียนข่าวเกี่ยวกับการฆ่าครอบครัวของตัวเอง แต่ไม่เคยเขียนถึงสิ่งที่เขาถูกกระทำจากครอบครัวและเหตุจูงใจที่ต้องฆ่าคืออะไรจนถูกจับติดคุกและตัดสินประหารชีวิต หนังเดินเรื่องได้อย่างรวดเร็วแม้จะมีการเล่าย้อนไปถึงอดีตบ้าง เป็นการเดินเรื่องต่อจากภาคแรกซึ่งในเรื่องก็จะเห็นฉากดราม่าระหว่าง เอ็ดดี กับเวน่อมค่อนข้างเยอะ มีการขัดแย้งทางความคิด มีทะเลาะ มีสู้กัน จนเวน่อมต้องหนีออกจากร่างเอ็ดดีแล้วไปส่งร่างอื่นแทน เรื่องวุ่นวายขึ้นเมื่อ เอ็ดดี พลาดท่าโดน แคสซาดี กัดเข้า ทำให้ร่างของแคสซาดี มีปีศาจ Carnage สิงอยู่ในร่างและพังคุกออกมาเพื่อแก้แค้นเอ็ดดี
แคสซาดียังต้องช่วยชรีคแฟนสาวออกมาจากคุกเพื่อที่จะแก้แค้น นักสืบมัลลิแกน (สตีเฟน กราแฮม) ที่สมัยก่อนนั้นได้เกิดการต่อสู้กันระหว่างขนส่งนักโทษทำให้เธอตาบอด ความมันส์เริ่มขึ้นเมื่อเวน่อมเจอกับ Carnage การต่อสู้สุดมันส์บ้าระห่ำก็เกิดขึ้น เรียกว่าทุกอย่างพังพินาศเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นเครื่องบินระเบิด หรือการต่อสู้ภายในโบสถ์ทุกอย่างพังเรียบเป็นหน้ากอง ถึงแม้ว่าในภาคแรกจะทำไว้ดีมากๆ จนทำให้แฟน ๆ ตั้งความหวังไว้กับภาค 2 ว่ามันต้องดีกว่าภาคแรก ถ้าเทียบกันจริงๆ ภาคแรกก็ค่อนข้างเหนือกว่าอยู่มาก ภาคนี้ถึงแม้ว่าจะมีตัวละครใหม่ที่เพิ่มเข้ามาทั้งคลีตัส แคสซาดี และ ชรีค บทก็ไม่ได้เพิ่มเรื่องราวใส่ลงไปให้ตัวละครทั้งสองตัวนี้มากนัก ทำให้ตัวละครดูไม่ค่อยมีมิติทั้งที่ในความเป็นจริงแคสซาดีน่าจะร้ายได้มากกว่านี้ หรือแม้แต่ชรีคที่เต็มไปด้วยพลังเสียงแห่งการทำลายล้างที่มีผลกับเวน่อมและ Carnage เพราะทั้งคู่ไม่ชอบเสียงดัง แต่บทที่เธอได้รับมันกลับเบาหวิวไปสักหน่อย ทำให้หนังลดความน่าสนใจลงไปพอควร ยังแอบเสียดายฝีมือนักแสดงอยู่นิด ๆ พอมองดูภาพรวมๆแล้วหนังก็ไม่ได้ดูแย่จนเกินไป หนังใช้วิธีการเล่าแบบเรียบง่ายไม่ซับซ้อนดูสนุกได้เพลิน ๆ ไม่ต้องคิดไรมากมาย
เรายังได้เห็นตัวเวน่อมที่ปล่อยมุกให้ได้ขำกันอยู่บ้างแม้ในช่วงที่ตกอยู่ในสถานะการณ์แห่งความเป็นความตาย นอกจากมุมโหดของเวน่อมกับฉากกัดคอแล้ว ยังมีรูปแบบการบู๊ที่ดุดันบวกกับหน้าตาหน้ากลัวแต่เรายังได้เห็นมุมเฟรนลี่ของเวน่อมกับไก่เพื่อนรักทั้งสองตัว หรือแม้กับเอ็ดดี เวน่อมเขาก็มีความรักให้เหมือนกันนะ หรือแม้กระทั้งกราฟฟิกและ CG ทั้งหลายที่ทำให้เราได้เห็นภาพสวย ๆ เนียนตา
วิเคราะห์ / วิจารณ์ – ภาค 2 มีความสนุกในระดับนึงแต่ที่ไม่เท่าภาคแรกเพราะสูตรการเดินเรื่องเหมือนเดิมดิก เช่น การออกมาปราบเหล่าร้ายเพื่อแสดงความอลังการของบ้านเมืองที่พังเพราะการสู้ผ่าน CG ที่เนียน ซึ่งการใช้ CG ที่ดีไม่อาจกลบความอ่อนของบทและการจับยัดที่เห็นอยู่เรื่อย ๆ ตลอดการดูได้ รวมถึงสูตรสำเร็จที่ธรรมะชนะอธรรมซึ่งเป็น Cliche ที่น่าเบื่อไปแล้วเพราะมันเดาง่ายเกิน ไม่มีอะไรกดดันหรือจุดพลิกให้ลุ้นได้เลย สิ่งที่ดีที่สุดของหนังเรื่องนี้คือ End Credit ที่ดีกว่าตัวหนังซะอีก จะเป็นอะไรแนะนำไปดูเอง
แชร์ได้เลยเพียงกดเบา ๆ