หนังเรื่อง Happiest Season หรือไม่มีฤดูกาลไหนไม่รักเธอเป็นหนังแนวครอบครัวที่เดินเรื่องผ่านตัวละครหลัก 2 ตัวคือแอ็บบี้ (Kristen Stewart ) และฮาร์เปอร์ (Mackenzie Davis) กับบทคู่รักเลสเบี้ยน หลายคนคงคาดหวังว่าจะเป็นหนังโรแมนติกระหว่างคู่รักเลสเบี้ยน แต่ผิดคาดหนังเรื่องนี้เป็นหนังบอกเล่าเรื่องราวที่ถ่ายทอดความรักความผูกพันธ์ในครอบครัวซึ่งเป็นความสัมพันธ์ระหว่าง พ่อ แม่ และลูกสาว – เมื่อเทศกาลคริสต์มาสมาถึงในแต่ละปี เราก็เห็นภาพผู้คนใส่เสื้อผ้าสีแดง ได้ยินเพลงคริสต์มาสดังอยู่ทุกที่ ต้นคริสต์มาสถูกประดับประดาด้วยไฟหลากสีสวยงาม คนในครอบครัวต่างมารวมตัวกันอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันในวันสุดพิเศษ ทานข้าวร่วมกัน แลกเปลี่ยนของขวัญให้กันและกัน บรรยาศอบอวลไปด้วยความสุข
แต่กับแอ็บบี้ซึ่งมีความทรงจำเลวร้ายกับเทศกาลคริสต์มาสเพราะเธอต้องสูญเสียพ่อแม่ไปในช่วงนี้นั้นแตกต่างออกไป ปีนี้แฟนสาวของเธอ ฮาร์เปอร์ ได้เกลี่ยกล่อมให้เธอไปร่วมฉลองเทศกาลคริสต์มาสกับครอบครัวของเธอ แอ๊บบี้ตัดสินใจไปร่วมฉลองกับครอบครัวของแฟนสาวและวางแผนที่จะขอฮาร์เปอร์แต่งงาน แอ็บบี้ได้เจอกับเท็ด (Victor Garber) พ่อที่กำลังจะลงสมัครรับเลือกตั้ง ทิปเปอร์ (Mary Steenburgen) แม่ผู้ที่เจ้าระเบียบไปเสียทุกอย่าง สโลน (Alison Brie ) พี่สาวผู้แต่งงานแล้ว คุณแม่สุดแกร่งของลูกแฝดหลานของฮาร์เปอร์ และเจน (Mary Holland ) น้องสาวคนเล็กที่มุ่งมั่นอยู่กับนิยายแฟนตาซีที่เธอชื่นชอบ
สิ่งที่แอ็บบี้ได้ตั้งใจไว้อยากให้เกิดขึ้นกลับไม่เป็นในแบบที่เธอต้องการเมื่อฮาร์เปอร์ยังไม่บอกครอบครัวของเธอว่าเธอเป็นเลสเบี้ยนและแอ็บบี้เป็นคู่รัก แอ็บบี้ถูกแนะนำกับครอบครัวในฐานะเพื่อนและฮาร์เปอร์ขอร้องให้แอ็บบี้ปิดบังเรื่องนี้ไว้ให้พ้นช่วงเทศกาลนี้ไปก่อนเพราะพ่อของเธอกำลังจะลงสมัครรับเลือกตั้งเพื่อเป็นนายกเทศมนตรี บรรยากาศเริ่มเต็มไปด้วยความน่าอึดอัดเมื่อทั้งคู่จะต้องปิดบังตัวตัวที่แท้จริงเอาไว้และยังต้องแกล้งเล่นละครตบตาครอบครัวของฮาร์เปอร์และหาหนทางเอาตัวรอดแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
ความสัมพันธ์ในครอบครัวนี้มีหลายอย่างที่ไม่ขาดก็เกินของสมาชิกแต่ละคน แต่สิ่งที่ลูก ๆ ทุกคนตั้งใจก็คือการเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ ต้องการประสบความสำเร็จ มีหน้าที่การงานที่ดี มีครอบครัวที่อบอุ่น เป็นคนที่น่ายกย่องและมีคนนับหน้าถือตา สิ่งเหล่านี้จะนำมาซึ้งความภาคภูมิใจของพ่อแม่จนเกิดการแข่งขันอย่างดุเดือดกันระหว่างพี่น้อง นำมาซึ่งความกดดันและทำให้ความสุขของชีวิตหายไป หลงลืมตัวตนที่แท้จริงหรือความต้องการของตัวเองไปจนเกือบจะสูญเสียความเป็นตัวเอง
ในเรื่องเราจะเห็นฉากที่น่าอึดอัดใจมากพอสมควรที่ทางครอบครัวของฮาร์เปอร์ที่แสดงออกให้เห็นอย่างชัดเจนว่าไม่ยอมรับความรักแบบรักร่วมเพศโดยมองว่าเป็นความผิดปกติ พวกเค้ามองว่าความรักระหว่างชายหญิงเป็นสิ่งเดียวที่สังคมให้การยอมรับส่วนความรักแบบเพศเดียวกันเป็นแบบที่สังคมมองว่าผิดปกติ เพราะความที่พวกเค้าทั้งสองไม่สามารถแสดงออกหรือเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงออกมาทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มมีปัญหา
แต่แล้วก็มีจุดสำคัญทีทำให้ทุกคนมีความคิดที่เปลี่ยนไปเมื่อ สโลนพี่สาวที่มีครอบครัวสมบูรณ์แบบกับความลับที่เก็บมาตลอด เมื่อทุกคนได้รับรู้ความจริงเบื้องหลังครอบครัวที่แสนอบอุ่นทำให้เธอมีปัญหากับสามีจนถึงขั้นเตรียมหย่า ภาพลักษณ์แสนเพอร์เฟคถูกทำลายลงโดยความจริงที่แสนเจ็บปวด รวมทั้งลูกสาวคนเล็กที่ไม่เคยได้รับความสำคัญได้เปิดปากบอกความรู้สึกรวมถึงทุกคนได้รับรู้ถึงความสัมพันธ์ของฮาร์เปอร์ที่มีความสัมพันธ์แบบหญิงรักหญิง
ไม่มีฤดูไหนไม่รักเธอเป็นหนังที่สะท้อนถึงปัญหาและความไม่ยอมรับในความต่างทางสังคม แต่แล้วพอถึงจุด ๆ หนึ่งก็ทำให้เราได้คิดได้ทบทวนว่าสิ่งที่เรากำลังเชื่อมาโดยตลอดมันเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอนเสมอไปหรือเปล่า เช่นเดียวกับความรักเพราะความรักนั้นมีหลายรูปแบบ แล้วแต่ว่าแต่ละคนจะออกแบบความรักออกมาเป็นแบบไหนแนวไหนและเลือกที่จะแสดงออกอย่างไร
ในมุมนี้อาจเป็นแบบที่ขัดหูขัดตาพ่อแม่หรือสังคมแต่สิ่งหนึ่งที่เราสัมผัสได้จากหนังเรื่องนี้คือ ความรักความเข้าใจคือรักจากคนในครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะคน ๆ หนึ่งจะประสบความสำเร็จได้ยากหากขาดกำลังสำคัญที่สุดไปนั้นคือครอบครัว บทเรียนสำหรับพ่อแม่คือ
- อย่าพยายามยัดเยียดในสิ่งที่ลูกไม่ต้องการ
- ยอมรับตัวตนจริง ๆ ที่ลูกเป็นและอย่าพยายามเปลี่ยนลูกให้เป็นในแบบที่พ่อแม่ต้องการ
- อย่าคาดหวังทุกสิ่งจากลูกโดยยึดแต่โลกและมุมมองของตัวเองอย่างเดียว
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการที่พ่อแม่อยู่เคียงข้างคอยให้กำลังใจคอยสนุบสนุนอยู่เบื้องหลัง รอดูความสำเร็จของลูก ๆ นั้นคือความสุขของครอบครัวที่แท้จริง ต้องมาติดตามดูกันว่าจริง ๆ แล้วความหมายของครอบครัวในหนังเรื่องนี้นั้นคืออะไร
แชร์ได้เลยเพียงกดเบา ๆ