เรื่องย่อ – ในยุคสมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 ได้มีกลุ่มคนจำนวนหนึ่งรวมตัวกันสร้างความไม่สงบให้แก่ประเทศมหาอำนาจตั้งแต่อเมริกา อังกฤษ เยอรมนีและรัสเซีย โดยการชักใยอยู่เบื้องหลังบุคคลซึ่งเป็นผู้นำประเทศจนนำไปสู่การเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 ขณะเดียวกันครอบครัวในตระกูลขุนนางเก่าอย่าง “ดยุก ออกฟอร์ด” ที่ต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก ทำให้เขาตระหนักว่าจะต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อไม่ให้เหล่าร้ายก่อสงครามได้อีก องค์กรโคตรพยัคฆ์สายลับ “Kingsman” จึงได้ถือกำเนิดขึ้นมา
The King’s Man กำเนิดโคตรพยัคฆ์คิงส์แมน ในภาคนี้จะพาผู้ชมย้อนกลับไปยังเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ครั้งสำสัญของโลกนั้นคือ สงครามโลกครั้งที่ 1 เพื่อค้นหาที่มาที่ไปของต้นกำเนิดของหน่วยคิงส์แมน ครั้งนี้จะเป็นการเล่นเรื่องราวผ่านตัวละครหลักอย่าง “ดยุกอ็อกฟอร์ด” (ราล์ฟ ไฟนส์) ผู้ที่ต้องสูญเสียภรรยาไปอย่างกระทันหัน และสัญญาว่าจะปกป้องดูแล “คอนราด” (แฮร์ริส ดิกคินสัน) ลูกชายคนเดียวไม่ให้เข้าร่วมรบ จนเมื่อเกิดเหตุลอบสังหารจักรพรรดิแห่งออสเตรีย กลายเป็นชนวนเหตุแห่งสงครามโลกครั้งที่ 1 อันเป็นแผนของ “คนเลี้ยงแกะ” ที่คอยชักใยการเมืองของประเทศร่วมสงครามอยู่เบื้องหลัง คอนราดจึงได้รับรู้ความจริงจากดยุกอ็อกฟอร์ดว่าเขามีสายข่าวที่คอยสืบข่าวอยู่ทั่วทุกมุมโลก ทั้งนี้รวมถึงแม่บ้าน “พอลลี” (เจมม่า อาร์เทอร์ตัน) และ “โซลา” คนขับรถม้าซึ่งนั้นก็คือต้นกำเนิดของหน่วย The King’s Man ในเวลาต่อมานั้นเอง
ในภาคนี้สำหรับฉากต่อสู้ต่าง ๆ คงจะดูแปลกตาไปมากถ้าเทียบกับสองภาคที่ผ่านมา ภาคนี้การต่อสู้แบบโบราณจะเน้นไปที่การฟันดาบ ใช้มีดหรือศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวด้วยมือเปล่าเข้าแทน ฉากต่อสู้ที่น่าตื่นเต้นมากที่สุดคงจะเป็นการต่อสู้ระหว่างรัสปูตินกับดยุกอ็อกฟอร์ด คอนราดและโซลา เป็นการผสมศิลปะการต่อสู้เข้ากับการเต้นลีลาศได้อย่างน่าตื่นเต้นเร้าใจ บวกกับการวางเพลงได้อย่างถูกจังหวะแบบเป๊ะๆในแต่ละฉากแต่ละซีน ทำให้คนดูเพลินโดยที่ไม่รู้สึกเบื่อหน่ายเลยถึงแม้ว่าจะรู้สึกได้ถึงความเนือยของหนังในช่วงแรกๆอยู่บ้างก็ตาม
แม้ว่าจะเป็นภาคต่อแต่ว่าเนื้อหาไม่ได้มีอะไรต่อเนื่องจากภาคที่ 2 เลยเพราะภาคนี้่ต้องการย้อนกลับไปยังต้นกำเนิดของหน่วย The King’s Man แต่ก็ยังคงความเป็นหนังแบบคิงส์แมนเอาไว้ ยังสนุกลุ้นระทึกเช่นเคย พร้อมสอดแทรกด้วยความรู้ด้านประวัติศาสตร์และมีเสียดสีทางการเมืองบ้าง ยิ่งเป็นการเพิ่มเสน่ห์ให้กับหนังเรื่องนี้ และถ้าใครที่คิดว่ามาชมหนังเรื่องนี้แล้ว จะได้เห็นฉากแอ็กชั่นที่ถล่มกันสุดมันส์ ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยแล้วละก้อ บอกได้เลยเลยว่าไม่มีเพราะหนังเป็นการเล่าย้อนไปในอดีตสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 โปรดักชันต่างก็ออกจะย้อนยุคตามไปด้วย ฉากแอ็กชันมันส์ ๆ และความบ้าขั้นสุดก็จะไม่มีให้เห็นกันในภาคนี้ แต่สามารถแทนที่เพิ่มความตื่นเต้นด้วยการต่อสู้แบบโบราณเข้าไป
สำหรับใครๆที่ชื่นชอบดูหนังประวิติศาสตร์ ก็คงจะถูกอกถูกใจกับเรื่องนี้กันอยู่ไม่น้อย ยิ่งถ้ามีความรู้ด้านประวัติศาสตร์ด้วยแล้ว การดูหนังเรื่องนี้ก็ง่ายต่อการทำความเข้าใจในสิ่งที่หนังต้องการนำเสนอ
สิ่งนึงที่น่าเสียดายคือหนังเรื่องนี้ถูกเลื่อนเพราะเหตุจากโควิดมาเกือบ 2 ปีกว่าจะได้เข้าฉายและเมื่อได้เข้าฉายก็ดันชนกับหนังดังอย่าง Spider Man ทำให้กระแสหนังเรื่องนี้ในไทยน้อยกว่าที่คิด แต่ตัวหนังสนุกแนะนำให้ดูค่ะ
แชร์ได้เลยเพียงกดเบา ๆ