เรื่องย่อ – “มินกีฮอน” (กงยู) อดีตสายลับที่ใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวและฝังแต่ความทรงจำอันแสนโหดร้ายอยู่ในหัวจนกระทั่งเขาถูกอดีตหัวหน้ามอบหมายให้คุ้มกัน “ซอ-บก” (พัคโบกอม) มนุษย์โคลนตัวแรกของโลกไปยังสถานที่ปลอดภัย
แต่ทุกอย่างไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คิดเมื่อขบวนขนส่งถูกลอบโจมตี มินกีฮอนและซอ-บกหนีมาได้แต่ก็มีอันตรายรอพวกเขาอยู่ทุกทาง ซอ-บกถูกคนหลายกลุ่มออกตามล่าเพราะซอ-บกคือ “มนุษย์อมตะ” แม้จะเป็นเพียงคนเดียวที่กุมอนาคตของมนุษยชาติแต่ขณะเดียวกันก็เป็นภัยอันตรายที่ร้ายแรงที่สุดในตัวด้วยเช่นกัน เมื่อต้องเดิมพันด้วยอนาคตของโลก กีฮอนและซอ-บกต้องหนีตายเคียงบ่าเคียงไหล่พร้อมเผชิญหน้าเหล่าศัตรูรอบด้านกับการตัดสินใจครั้งสำคัญที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้!
เมื่อกีฮอนต้องทำหน้าที่บอร์ดี้การ์ดปกป้องคุ้มครอง ซอ-บก มนุษย์โคลนตัวแรกของโลกที่ถูกตัดแต่งพันธุกรรมจนมีชีวิตเป็นอมตะ ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ยิ่งแน่นแฟ้นขึ้น กับกีฮอ ผู้ที่ใช้ชีวิตมาอย่างโชกโชนผ่านเรื่องราวมาแล้วทุกรูปแบบจนกระทั่งถึงช่วงสุดท้ายของชีวิตในขณะที่ ซอ-บก ทั้งชีวิตเกิดและโตในห้องแล็บกับชีวิตที่พึ่งจะเริ่มต้นขึ้นกำลังได้เรียนรู้ชีวิตและความหมายของการเป็นมนุษย์ การได้ช่วยเหลือ ซอ-บก ในครั้งนี้กีฮอนถือว่าเป็นโอกาสในการไถ่บาปเมื่อครั้งในอดีตของตัวเอง แต่เส้นทางที่เขาทั้งสองคนต้องเผชิญกลับเต็มไปด้วยอุปสรรคและปัญหามากมายที่มีความลึกลับซับซ้อนซ่อนอยู่ซึ่งอาจจะนำมาพาอันตรายสุดคาดคิดที่จะทำให้ชีวิตของพวกเขาไม่สามารถกลับไปเหมือนเดิมได้อีกต่อไป
หนังฟอร์มยักษ์จากเกาหลีเรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่โดนพิษโควิดเล่นงานจนต้องเลื่อนฉายและในที่สุดก็ได้ลงฉายในช่วงเทศกาลสงกรานต์ในบ้านเรา แต่ด้วยสถานการณ์โควิดในประเทศไทยในขณะนั้นถือว่ายังอยู่ในช่วงวิกฤติ จำนวนยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นทุกวันทำให้มีผลกระทบกับรายได้ของหนังเรื่องนี้อยู่พอสมควร ตัวหนังเป็นหนังที่สื่อถึงเรื่องราวการใช้ชีวิต คุณค่าและความสำคัญของการมีชีวิตอยู่ การเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ตรงของชีวิตโดยการถ่ายทอดจาก 2 พระเอกระดับตัวท๊อปของเกาหลี ซึ่งนับเป็นการพบกันครั้งแรกของ กงยู และพัคโบกอมกับภาพยนต์แอ็กชั่น-ไซไฟ โปรเจกส์ยักษ์ของเกาหลีที่มีพล็อตเรื่องสุดล้ำ
ถึงแม้ว่าการเล่าเรื่องของหนังจะเริ่มต้นด้วยฉากแอ๊กชั่นไล่ล่าทำให้เราคิดว่าหนังคงจะเป็นหนังแอ็กชั่นสุดมันส์ก็ตาม แต่ในความเป็นจริงแล้วสิ่งที่หนังต้องการสื่อออกมานั้นเป็นปรัชญาในการดำเนินชีวิตและความรู้สึกผิดในอดีต ซึ่งถ่ายทอดความรู้สึกของตัวละครผ่านนักแสดงทั้งสองคนที่เต็มไปด้วยอารมณ์และความรู้สึกมากมาย ทำให้คนดูอินแถมยังเรียกน้ำตาได้ดีอีกด้วย
ซอ-บก เป็นหนังปรัชญาแนววิทยาศาสตร์ เราจะรู้สึกได้ว่าในบางช่วงโดยเฉพาะกลางเรื่องนั้นการเดินเรื่องค่อนข้างช้าและมีบางฉากที่น่าเบื่อ นั้นก็เป็นเพราะหนังต้องการปูเรื่องราวผ่านการเล่าเพื่อให้ผู้ชมเข้าใจความเป็นมาเป็นไปของตัวละครทั้งสองและได้รับรู้ถึงอารมณ์ความเจ็บปวดของตัวละครทั้งสองที่ต่างคนต่างก็ผ่านความเจ็บปวดมาเหมือนกัน เมื่อทั้งคู่ต้องมาอยู่ด้วยกัน ทำให้เขาทั้งคู่สนิทกันอย่างรวดเร็วและมีความเห็นอกเห็นใจกัน
กงยูผู้รับบทเป็นมินกีฮอนนั้นเป็นนักแสดงมากความสามารถสุดยอดฝีมือคนหนึ่งของเกาหลีที่ได้ฝากผลงานให้ชมมาแล้วหลายต่อหลายเรื่อง ผู้ที่ทำให้สาวๆหลงใหลและคลั่งรักจนได้ตำแหน่งสามีแห่งชาติมาแล้ว กงยูสามารถถ่ายทอดอารมณ์
ความเจ็บปวดผ่านสีหน้าและแววตาได้ดีมาก ส่งอารมณ์ให้กับคนดูให้ร่วมอินไปด้วยและรับรู้ถึงความเจ็บปวดที่เขามี แต่สำหรับบทบู๊ที่หลาย ๆ คนที่คิดว่าจะได้ดูกงยูบู๊แบบจัดเต็ม แฟนคลับกงยูคงจะผิดหวังอยู่นิด ๆ ถ้าตั้งใจมาดูฉากบู๊แอ๊กชั่นโดยเฉพาะเพราะจะเห็นได้ว่าในเรื่องไม่ได้มีเยอะขนาดนั้นค่ะ ฉากบู๊มีเข้ามาเป็นช่วงสั้น ๆ เท่านั้นเอง ก็อย่างที่กล่าวข้างต้นว่าเป็นหนังแนวปรัชญาวิทยาศาสตร์ก็เน้นไปทางปรัชญามากกว่า
พัคโบกอมรับบทเป็น ซอ-บก มนุษย์โคลนนิ่งต้องบอกเลยว่าพัคโบกอมตีบทได้แตกกระจายเพราะแสดงได้ดีมาก ๆ การแสดงที่สื่อออกมาทั้งสีหน้า แววตา ท่าทาง ความน่าสงสาร บวกกับบุคลิกที่มีความความน่ารักน่าเอ็นดู แถมหน้าตาจิ้มลิ้ม ก็ไม่ยากที่จะทำให้คนดูหลงรักหลงเสน่ห์ของตัวละครตัวนี้ หากใครที่เป็นแฟนคลับของสองหนุ่ม กงยู และ พัคโกบอม ก็ไม่ควรพลาดหนังเรื่องนี้ เพราะเราจะได้เห็นฝีมือการแสดงของสองหนุ่มที่เคมีสุดแสนจะเข้ากันเรียกว่าดีต่อใจกันเลยทีเดียว ทั้งคู่จะทำให้เราฟินได้โดยที่หนังไม่จำเป็นต้องมีนางเอกอีกด้วย
แชร์ได้เลยเพียงกดเบา ๆ